วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ดอกไม้ยังไม่หมด

คราวนี้มาดูดอกไม้กันต่ออีกหน่อย คราวหน้าถึงเข้าชมเมืองกันจริงๆจังๆนะคะ


ดอกอะไรเอ่ย ไม่รู้โปรดดูต้นมันภาพล่างนี่


นี่ต้นทับทิม แบบเดียวกับที่เมืองไทยเลย แต่ดอกมันเบ่งบานใหญ่ได้เท่าดอกชบาแน่ะ ที่บ้านก็ปลูกนะแต่กิ่งหร็อมแหร็มดอกเล็กๆ ติดบ้างร่วงบ้าง ไม่ได้บานสะพรั่งเต็มต้นอย่างที่นี่


ดอกแบบนี้เคยเห็นที่อเมริกาด้วย แต่อย่ามาถามว่าชื่ออะไร ไม่รู้ค่ะ ไปจากเกษตร แต่ไม่ได้ไปดูงานด้านเกษตร ไปดูด้านการศึกษาค่ะ



นี่ชื่อดอก Jakalanda จำได้ชื่อเดียวนี่แหละเพราะมันดันชื่อตลกมาพ้องกับคำไทยภาษาเหนือ ว่าจั๊กกะแหล่น เติมด้าเข้าไปข้างท้ายเลยจำได้แม่นยำ อิ อิ ปลูกกันทุกถนนเต็มทั้งเมือง Seville เลย นึกว่าเป็นดอกไม้ประจำเมือง เปล่า ไกด์บอกว่าเอามาจาก Brazil เอามาปลูกตอนกีฬา Olympic หรือไงเนี่ยแหละ

ส่วนต่อจากนี้จะใส่รูปดอกไม้ให้ดูกันเล่นเป็นของฝากละกันนะ อยากซื้ออะไรๆมาฝากเหมือนกัน แต่ของมันแพงซื้อไม่ไหวค่ะ







สองรูปสุดท้ายนี่กล้าเปิดเผยหน้ากลมๆของตัวเองมากขึ้นเพราะมีคนดูรูปที่ลงคราวก่อนแล้วบอกว่าดูดี ขอบคุณที่ให้กำลังใจนะคะ คราวนี้เลยให้ดูใกล้อีกนิด หลังจาก 20 ปีที่ไม่เจอกัน เห็นรอยตีนกาและคุณภาพหนังหน้าแบบนี้แล้วยังจะชมว่าดูดีอีกไหมเนี่ย

วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ดอกไม้สีสวยสดใส

คราวนี้ถึงคิวดอกไม้ หลังจากคราวก่อนว่าด้วยเรื่องน้ำพุ ครั้งต่อๆไปก็จะเติมใหม่ตามอารมณ์นะ ก็รูปมันเยอะ อวดนานเลยกว่าจะหมด ดูดิ ดอกกุหลาบสีม่วงดอกใหญ่เลยนะ สวยหวานเชียว




ดูดอกไม้อยู่ที่สเปน ไม่วายคิดถึงเพลงสมัยสาวๆ ใช่แล้วเพลงสาว สาว สาว เลยแหละ "เก็บดอกไม้ลอยน้ำ ส่งตามความรักมาให้ ผ่านป่านาเขากว้างใหญ่ อยู่ไหน ไกลกันนักเอย" เนี่ยน้า กะจะไปหาหนุ่มสเปน แต่ใจมันออกอาการแปลกๆแบบเนี้ย ฟังดูยังกะคิดถึงคนไกลๆ ใครหว่า




เมืองกระทิงดุนี่ปลูกดอกไม้เยอะมากเลย ขอเล่าด้วยภาพละกันนะ ดอกไม้มีทั้งที่เขาปลูกตามบ้าน ตามถนนหนทาง และขึ้นเองตามธรรมชาติ ดูแล้วเดาไปก่อนว่านี่มันเป็นประเภทไหน




ยังมีอีกเพียบ ตามประสาหญิงสาว ต้องชมชอบดอกไม้อ่ะค่ะ อีกอย่างก็อยากเก็บความสดชื่นมาฝากด้วย เผื่อคนที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำผ่านมาเห็นและรู้ตัวว่ามีคนอยากเก็บดอกไม้มาฝาก อาจจะหายเครียดไปได้แว๊บนึง แว๊บเดียวก็ยังดีนะ

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

เมืองนี้ที่ใฝ่ฝัน


แล้วก็ไปถึงสเปนหลังจากลุ้นระทึกว่าวีซ่าจะได้หมดทั้งกลุ่มไหม ก็ตามกำหนดเดิมบินคืนวันที่ 2 พฤษภาคม วีซ่าผ่านให้เฉพาะผู้ที่ถือพาสปอร์ตราชการ ผู้ที่ใช้พาสปอร์ตแดงธรรมดาไม่ได้ซักคน เกือบจะยกเลิกแล้วเชียว ร้อนถึงสถานฑูตไทยในสเปน ยืนกรานมาว่าเลิกไม่ได้นะ กว่าจะติดต่อไปดูงานสถานศึกษาได้ขนาดนี้ไม่ใช่ง่ายๆ ต้องลองเข้าไปขอใหม่ใช้การเจรจาแบบสุดยอดวิทยายุทธอย่างไรไม่รู้ละผ่านมาได้บ่ายวันที่ 2 บินคืนวันที่ 3 โอ้โฮ ทัวร์เก่งมากๆ คืนตั๋วคืนห้องที่จองไว้หมดแล้ว เสียค่าปรับไปไม่ใช่น้อย แต่วิ่งหามาให้ใหม่ได้ราวปาฎิหารย์ ติดที่ทั้งกลุ่มต้องเดินทางแยกเป็นสองสาย สายหนึ่งนั่งสวิสแอร์ไปซูริคก่อนแล้วค่อยไปแมดริด อีกสายไปกับแอร์ฟรานซ์ลงปารีสแล้วค่อยไปเจอกันที่แมดริด เอาเถอะจะทุลักทุเลวิ่งกันจ้าละหวั่นยังไงก็ได้ไปละ ไปแล้วก็มีเรื่องราวน่าเล่าเยอะ แต่ไม่ค่อยมีเวลามาเขียนนะสิ เอาเป็นว่า ว่างก็มาเติมทีละหน่อยไปละกันนะ คราวนี้มาแบบสบายๆ ดูรูปน้ำพุกับดอกไม้ให้เย็นใจไปก่อน จะได้สมเป็นภาคต่อของบทความเพ้อฝันคราวก่อน ที่จริงไปแล้วไม่เหมือนที่เพ้อไว้ มันมีอะไรจริงจังกว่าความเพ้อเจ้อเยอะ ประเทศที่เคยยิ่งใหญ่เกรียงไกรในการสำรวจโลก ล่าอาณานิคมย่อมไม่ได้มีแต่เพียงน้ำพุแน่ สถานที่สวยงามอลังการอื่นๆจะตามมาในไม่ช้า (อย่าคาดหวังมาก เพราะถ้ารอมันจะรู้สึกว่าช้า)จนกว่าจะเจอกันใหม่นะจ๊ะ อยากให้รู้ว่าคิดถึงจังเลยตอนนั่งรถไปไหนๆในสเปนก็คิดว่าจะกลับมาเขียนโน่นนี่เต็มไปหมด พอกลับมาจริงๆงานรออื้อเลย ทำได้แค่นี้แหละ
บอกเคล็ดลับหน่อย เวลาอ่านก็คลิกตรง "เล่าเรื่องเมืองสเปน" ให้บทความอื่นมันหายไป ก็จะได้บรรยากาศมีรูปประกอบเรื่องเล่าแบบจะๆ ถ้าไม่คลิกต้องลากยาวลงไปดูรูปตั้งไกลแน่ะ